รับแรงกระแทก

วันนี้คาด “ลง” ประเมินแนวรับที่ 1,200 / 1,175
สำหรับแนวต้านอยู่ที่ 1,235 / 1,250 แม้เช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่นางแนนซี
เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
ออกมาแสดงความคิดเห็นช่วงบวกต่อโอกาสในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจาก
COVID-19
รอบใหม่ของสหรัฐภายใน 48 ชม. ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ ผสานกับการที่บริษัทไฟเซอร์
อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ออกมาเปิดเผยเตรียมยื่นจดทะเบียนวัคซีน COVID-19
ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA)
ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ย. ขณะที่จีนเริ่มฉีดวัคซีน
COVID-19
ให้ประชาชนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแล้ว
กระตุ้นความคาดหวังแนวโน้มการลดลงของการแพร่ระบาดของ COVID-19
ในระยะถัดไป จะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาคได้
อย่างไรก็ตามวันนี้เราคาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะเผชิญแรงกดดันความความกังวลความวุ่นวายทางการเมืองในประเด็นการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่มีความรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้
จากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการใช้กำลังสลายการชุมนุมในวันศุกร์ที่ 16 ต.ค.
ที่ผ่านมา คาดจะทำให้ความชุมนุมของกลุ่มราษฎรยืดเยื้อและบานปลายมากขึ้น กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ผสานกับเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางอยู่จากผลกระทบสะสมของ COVID-19
คาดจะกระตุ้นแรงขายลดความเสี่ยงจากความวุ่นวายดังกล่าวกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงได้ในวันนี้
โดยแนะนำติดตามการเปิดประชุมวิสามัญและการพิจารณาร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดอาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ในระยะถัดไป
อีกทั้งเรายังมีความกังวลแรงขายลดความเสี่ยงเพื่อรอดูผลประกอบการ 3Q20 ของหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะเปิดเผยในวันนี้ - สัปดาห์หน้า แม้ Bloomberg Consensus คาดการณ์จะ +3.00% QoQ แต่ -41.21% YoY จากคาดการตั้งสำรอง ECL ที่ลดลงจาก 2Q20 ซึ่งหลายๆ ธนาคารเลือกที่จะตั้ง Management Overlay ไปแล้ว ขณะที่ ธปท. ออกมาเปิดเผยไม่ต่อมาตรการพักชำระหนี้ที่จะหมดอายุวันที่ 22 ต.ค. นี้ แต่ธนาคารสามารถพิจารณาพักหนี้ให้ลูกหนี้เป็นการเฉพาะเป็นรายกรณีได้อีกไม่เกิน 6 เดือนในเบื้องต้น นับจากสิ้นปี’63 จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.’64 คาดตลาดจะยังมีความกังวลและยังต้องเฝ้าระวังตัวเลข NPL หลังมาตรการช่วยเหลือสิ้นสุดลงแล้ว กดดันแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารได้อยู่
ธีมการลงทุน “Wait and see.”
หุ้นแนะนำ -